ตอบ 14 ..........การตั้งชื่อทางโหราศาสตร์ ไสยศาสตร์ มีหลักเกณฑ์ แต่ไม่ถึงกับเป็นกฏนะครับ เพราะเป็นเรื่องความพึงพอใจเฉพาะตัวบุคคล ใครอยากจะตั้งชื่ออย่างไรก็ไม่มีใครห้าม แต่ผมเห็นว่าคนสมัยนี้ อ้างโหราศาสตร์กันเกินไป เอะอะอะไรก็ “โหราศาสตร์” จนถึงเอาไปหลอกคนให้เปลี่ยนชื่อเพื่อโน่นเพื่อนี่ ให้รวย ให้เลื่อนตำแหน่ง คุณถามมาก็ดีแล้ว จะได้ถือโอกาสอธิบายเสียเลย ว่าโบราณมีหลักคิดอย่างไร ผมเขียนไว้ว่า
ทางไสยศาสตร์นั้น “มักจะการเทียบเคียงเสียงพ้องการเรียกขาน อย่างเช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เพราะมีคำว่า “ทอง” ซึ่งต่างจากโหราศาสตร์จะถือเป็นเพียงขนมหวาน หรืออย่างไสยศาสตร์ จะแนะให้ปลูกไม้มงคล เช่น มะยม มะขาม เพื่อให้ เกิดความ “นิยม” และคน “เกรงขาม” ในขณะที่โหราศาสตร์มองตรงว่าเป็นเพียงต้นไม้มีผลกินได้เท่านั้น ไสยศาสตร์ถือ เลข “ 9 ” ว่าดี เพราะพ้องเสียงกับคำว่า “ก้าวหน้า” เลข “ 6 ” ไม่ดี เพราะพ้องกับคำว่า “หกคะเมน” จึงมีนักโหราศาสตร์ที่ไม่รู้เรื่องบางคน เอามาวางเวลาฤกษ์ กลายเป็นมอมเมาค่านิยมผิดๆให้แก่สังคม ทั้งๆที่ทางโหราศาสตร์ไม่ได้ถือ หากจะถือกันแล้ว การวางเลข 6 อาจจะรวย แต่เลข 9 อาจจะเสียด้วยซ้ำ”
ข้อแรก การตั้งชื่อทางไสยศาสตร์ จะเอาความหมาย เช่น “อัจฉรา” นางฟ้า เพราะไสยศาสตร์ยึดผลทางความรับรู้ของจิต และชีวิต เมื่อถูกเรียก เมื่อชื่อดีแปลดี ก็มีผลได้เหมือนให้พร หากชื่อไม่ดี เช่น “อัปรีย์” “ทรพี” เมื่อถูกเรียกบ่อยๆ เหมือนถูกแช่งด่า ข้อสอง........ไสยศาสตร์ถือคำพ้องเสียงด้วย เช่น “เรวดี” ฟังเหมือน “เลวดี” “สหัส” ฟังเหมือน “สาหัส"” ทำให้เหมือนถูกแช่งด่าอีกเหมือนกัน ไม่เป็นมงคล ข้อสาม.....ไสยศาสตร์จะห้ามการตั้งชื่อที่ไม่สมกับตน เช่น ขอทานไร้ที่พึ่ง แต่ตั้งชื่อว่า “อมรินทร์” “เทพ” “เทวา” หรือคนง่อย ไม่เต็มเต็ง แต่ตั้งชื่อว่า “บวรเดช” “ไอศูรย์” คนจนๆธรรมดา แต่ตั้งชื่อว่า “ฮ่องเต้” หรือ “ศุภกษัตริย์” หรือคนต่ำช้า ตั้งชื่อว่า “สรรเพชร” (คำไวพจน์ พระนามพระพุทธเจ้า) ตั้งแบบนี้โบราณถือมาก ว่าอัปรีย์จะกินหัว ตอนเป็นเด็กก็เลี้ยงยาก เจ็บออดๆแอดๆอาจจะตายเสียก่อน เพราะชื่อสูงเกินไป ดวงไม่ถึง เขาจึงมักตั้งชื่อชาวบ้านว่า ***หมา อีแมว ***แก้ว หรือ ชื่อต้นไม้ ดอกไม้ ผลไม้ ฟักแฟง แตงโม ให้เลี้ยงง่าย
ข้อสี่....ไม่ใช้คำในชื่อที่มีเสียงตรงกับดาวที่อ่อนกำลังในดวงชะตาหรือทุสถานะ เป็น ประ นิจ กาลกิณี อริ มรณะ วินาสน์ เช่น “ประชัย” “อรรถนิตย์” “ ธารวิชนี” “อริราช” “มอญ” “ริปูวินาสน์” แม้จะแปลดี แต่เสียงเพี้ยน หรือถูกเรียกสั้นๆแล้วไม่เป็นมงคล อะไรแบบนั้น ส่วนคำว่า “ศรี” “มนตรี” “เดช” “ศุภ” “ลาภ” ไม่เป็นไร จะเห็นว่าคำมา จากชื่อภูมิและ เรือนมหาทักษา แต่ไม่ใช่ใช้อักขระ ส่วนหลักอื่นเป็นเรื่องของอักขรวิธี และเรื่องลับทางวิชาไสยศาสตร์ ขอไม่พูดถึงตรงนี้ ส่วนใหญ่หลักการตั้งชื่อที่บอกมา ผูใหญ่สมัยก่อนจะรู้กันทุกคน
ทีนี้มาทางโหราศาสตร์บ้าง โหราศาสตร์นั้นตั้งชื่อยาก ต้องเข้าใจว่าโหราศาสตร์เองแท้ๆ ไม่ได้ถือเรื่องชื่อ แต่ที่นำมาเป็นหลักเกณฑ์คือปัจจัยที่ได้มาจากโหราศาสตร์เท่านั้น ข้อแรก.....โหราศาสตร์อ้างอิงวงรอบธรรมชาติ เวลา และสถานที่เกิดว่ามีผลต่อดวงชะตา จึงมักตั้งชื่อตามปัจจัยที่เป็นธาตุตัวแทนเจ้าชะตา และดวงชะตา เช่น ชื่อ “จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ” “ศศิ” ตามวันเกิด หรือ “มกร กุมภ์ มีน....”ตามราศี หรือ “มุสิก ภุชงค์ อาชา.....”ตามนักษัตร หรือ “อุบล อุดร ทักษิณ......”ตามทิศ หรือ “นคร เพชร ปทุม......” ตามท้องถิ่น โดยอาศัยเอาดาว หรือเรือนที่เข้มแข็งให้คุณมาตั้ง เพื่อให้เกิดผลทางโหราศาสตร์แก่ดวงชะตา ข้อสอง......ต้องเรียกง่าย ไม่สะดุดลิ้น เพราะการเรียกชื่อแล้วไม่ราบรื่น คือ อริ มรณะ วินาสน์ เกิดเป็นอุปสรรคดังนั้นจึงห้ามตั้งชื่อที่เรียกยาก ประเภทเรียกยาก ออกเสียงลำบาก แปลยาก เช่น “นฤคหต” ถือว่าชีวิตจะมีอุปสรรค ให้ตั้งชื่อเสียงไพเราะ เป็นเสียงดนตรี คล้องจอง ไพเราะ ชีวิตจะได้สะดวกราบรื่น เป็นต้น ข้อสาม.....มีความหมายเข้าใจง่าย ไม่เข้าใจผิด เพราะเข้าข่ายการหลอกลวง คือ ราหู หรือ เนปจูน (ในโหรฝรั่งก็ถือ) ซึ่งเป็นดาวบาปเคราะห์ ข้อสี่......ให้ใช้ปัจจัยที่เป็นตัวเจ้าชะตา เช่น ชื่อ “บัณฑิต” เพราะดวงชะตาจะได้บวชเรียน ชื่อ “ชาญวุฒิ” เพราะจะเรียนจบปริญญา ชื่อ “ศุภลักษณ์” เพราะจะเป็นคนสวย อะไรแบบนี้ ท่านให้ตั้งชื่อตามกรรมที่เป็นตัวเจ้าชะตา ชีวิตจะได้ดำเนินไปถูกวิถีชีวิต ข้อห้า...... ไม่ตั้งตามดาวที่เสียหายอยู่ เช่นในดวง มีอังคารกุมเสาร์ ก็ไม่ให้ตั้งชื่อว่า “อังคาร” หรือ “เสาร์” แต่ให้ตั้งตามดาวที่ดี ธาตุที่ดี เช่น “สุริยา” “วารี” “ปฐพี” และยังมีอะไรอีกมาก แต่หลักๆ ก็เป็นไปตาม 4 – 5 ข้อนี่แหละ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น