การมีอาจารย์นั้น ส่วนใหญ่พวกเราจะแสวงหามากไปจนลืมนึกถึงตัวเอง อันที่จริงการรู้โหราศาสตร์มีอยู่หลายระดับ เช่น รู้ทางปฏิบัติ รู้ทางคำนวณ รู้ทฤษฎี และ วิธีสร้างระบบโหราศาสตร์ เป็นต้น
ถ้าเราไม่มีอาจารย์ เราก็รู้ทางปฏิบัติได้
ในบรรดา ตำรับตำรา โหราศาสตร์ไทย ที่มีขายกันอยู่ในท้องตลาดทุกวันนี้ เพียงพอที่เราจะเรียนรู้ทางปฏิบัติได้เป็นอย่างดี ถ้าเรานำมาลองใช้ดู คอยสังเกตว่าอันใดได้ผล ก็เก็บไว้ใช้ให้คล่อง อันใดไม่ได้ผล ก็เอาแขวนขึ้นหิ้งไว้ ไม่ต้องไปสนใจว่าจะเป็นของจริงหรือของปลอม ถ้าหากทำเช่นนี้จนเชี่ยวชาญ เราจะดูดวงพยากรณ์ได้คล่อง เพียงแต่จะอธิบายเหตุผลที่มาของมันไม่ได้เท่านั้นเอง ........หมอดูบางคนก็ทำเช่นนี้
สมัยผมยังเด็ก มีคุณลุงหมอดูเก่งมากอยู่ท่านหนึ่ง เช่าบ้านอยู่แถววัดเลียบ ผมไปเลียบเคียงถามท่านว่ามีวิชาใด จึงดูหมอได้แม่นมาก แม่นจริงๆ ขนาดมือชั้นอาจารย์เทียบตัวต่อตัวไม่ได้ เมื่อไปถามบ่อยเข้า ท่านก็เปิดเผยอย่างไม่อายว่า ไม่เคยมีวิชาหรืออาจารย์เลย แต่อาศัยเรียนจากตำราเล่มละไม่กี่ บาท สมัยนั้น แล้วก็ไปฟังเขาบ้าง อาศัยครูพักลักจำ และเป็นคนช่างสังเกต หัดฝึกฝนจนชำนาญ
ผมเคยดูดวงของท่านก็ไม่ได้มีญาณความรู้พิสดารอะไรเลย สติปัญญาก็ปานกลาง แต่มีความขยันอดทน และละเอียดรอบคอบดีเท่านั้น คุณลองดูคุณสมบัติของท่าน เพียงเท่านี้ ก็เชี่ยวชาญได้แล้ว พวกเราสมัยนี้มีตำหรับตำราช่วยมากมาย จะทำบ้างก็ไม่ยากเลย
.........คุณลุงท่านนั้น คือ “หมอเส็ง วัดเลียบ” นามสกุลจริงของท่านผมจำไม่ได้แล้ว ท่านเรียนหนังสือแค่ ป. 3 เท่านั้นเอง วันวันหนึ่งมีลูกค้าตั้งแต่เช้า เข้าคิวกันยาวไปยันเที่ยงคืนก็มีบ่อยๆ เสียเงินคนละ 5 บาท แต่คนจนๆท่านก็ดูให้ฟรี ความชำนาญของท่านก็เหมือนแม่ค้าทำขนมอร่อย คนติดกันทั้งบ้านทั้งเมือง โดยไม่เคยไปเรียนวิทยาศาสตร์การอาหารใดๆเลย
ต่างกับอาจารย์โหราศาสตร์บางท่าน เรียนวิชามามากมายสารพัด ตำรามีอยู่เต็มบ้าน ลูกศิษย์เต็มเมือง แถมเก็บเงินหัวละหลายพัน แต่ทายใครไม่ค่อยจะถูก เพราะหวงวิชา จึงแต่งตำราเป็นเท็จออกมาขายหลอกลวงชาวบ้าน ให้คนหลงทางไปทางอื่น แล้ว “ครู” ที่ไหนท่านจะมาอยู่ด้วยเล่า
..........“รู้อะไร รู้กระจ่างแต่อย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเถิดจะเกิดผล ”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น