ถาม
ขอกราบเรียน ถาม ท่านอาจารย์วรกุล มาด้วยความเคารพ
ถึง " ซอฟต์แวร์โหราศาสตร์ " ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน มีความเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนครับ
เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีโบราณที่ พ่อ แม่ ครู อาจารย์ โหร ทั้งหลาย ได้เมตตาถ่ายทอดสอนกันตลอดมารุ่นแล้วรุ่นเล่า โปรดอนุเคาระห์ให้ความรู้ด้วยครับ จักเป็นพระคุณยิ่ง
ตอบ
ผมยังไม่เคยไปใช้โปรแกรมต่างๆที่มีขายเลยครับ จึงไม่ค่อยทราบว่าใครเขาขายอะไรกันบ้าง สำหรับโปรแกรมซอฟแวร์ต่างๆนั้น การพิจารณาก็เหมือนกับซอฟแวร์ทางคอมพิวเตอร์โดยทั่วไป การที่จะเชื่อถือได้หรือไม่ ก็อยุ่ที่วิธีการ และฐานข้อมูลที่นำมาใช้ ในต่างประเทศก็มีขายกันมาก อยากจะแยกคร่าวๆออกเป็น 2 ประเภท คือ หนึ่ง....ประเภทคำนวนปฏิทิน วางดาว ในดวงชะตา แบบนี้มีมาก กับ ประเภทที่สอง.......คือ ให้คำพยากรณ์ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เราก็คงซื้อประเภทแรก
ซอฟแวร์ต่างๆ หากใช้วิธีการ และข้อมูล เดียวกับที่เราใช้ ก็เหมือนที่ทำงานด้วยมือคน แต่จะย่นระยะเวลาไปได้มากมาย ทำให้สะดวกและรวดเร็ว ดังนั้น ความสำคัญจึงอยู่ที่ว่า เขาได้บอกรายละเอียดข้อกำหนดคุณสมบัติ และ หลักอ้างอิงที่ใช้ไว้ด้วยหรือไม่ อย่างเช่น การบอกตำแหน่งดาวนั้น นำมาจากการคำนวณตามปฏิทินใด เป็นแบบตัดอายนางศะหรือเปล่า ตัดเท่าใด การกำหนดราศี เป็นอย่างใด และเวลาที่ใช้ตัดการยกย้ายราศีใช้เวลานาฬิกาใด มาตรฐานเวลาเส้นรุ้งเส้นแวงที่ใด เป็นต้น เพราะธรรมดาการพิจารณารายละเอียดเหล่านี้ ทำให้การวางดาวในราศีผิดกันไปได้ อย่างเช่น ราหู และเกตุไทย ก็อาจมีวันเวลายกย้ายราศีที่แตกต่างกัน นอกจากนั้น บางโปรแกรมที่มีการวางลัคนาให้ด้วย ยิ่งจะต้องรู้ข้อกำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมอีก เพราะการใช้อันโตนาที เวลานักษัตร เวลาท้องถิ่น การวางลัคนาที่เวลาเกิดไม่แน่นอน ล้วนแต่เป็นปัญหาของการผูกดวงชะตาทั้งนั้น เมื่อผูกดวงผิด โปรแกรมที่ให้คำทำนายสำเร็จรูปก็ผิดตามไปด้วย
นอกจากนั้นบางโปรแกรมก็ไม่ได้คำนวนฐานข้อมูลการโคจรของดาวเอง แต่ใช้วิธีลอกปฎิทินของคนอื่นมา แล้วสร้างโปรแกรม search เอาดื้อๆ แต่มาขายแพงๆ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ข้อกำหนดของการคำนวณปฏิทินที่ไปลอกมา และไม่เห็นความสำคัญ ในต่างประเทศ เท่าที่เห็นเขาใช้กัน ก็เพราะต้องการตัดงานที่เยอะ ก็คือ การตรวจปฏิทินสำเร็จรูป และความสัมพันธ์ระหว่างดาว ในโหราศาสตร์สากล หรือ พระเคราะห์สนธิ ใน โหราศาสตร์รังสีดาว เพราะแต่ละดวงชะตา ต้องใช้เวลามาก การใช้ซอฟแวร์จึงทำงานได้รวดเร็วกว่าใช้จานหมุน และสามารถทำพยากรณ์ได้ทันที
การมาเปรียบเทียบกับวิธีโบราณนั้น ไม่ใช่หมายความว่าวิธีโบราณจึงจะดี สมัยใหม่ไม่ดี หากเราทราบเหตูผลที่ท่านสอนให้ทำ เราจะเอาคอมพิวเตอร์มาช่วยทำ ก็ไม่แปลก ไหนๆถามมาแล้ว ก็จะเล่าเท่าที่มีความรู้ เพราะผมเองก็เรียนตามแบบโบราณ รุ่นใช้กระดานชนวนมาเหมือนกัน สมัยโบราณท่านคำนวณดาวเองตามพระคัมภีร์สุริยาตร์ และ อีกสองสามตำรา วางไว้เป็นปฏิทิน แต่หาปฏิทินยาก เพราะต้องเรียนนานและเสียเวลา ส่วนใหญ่จะคำนวณในสำนักพระโหราธิบดี แล้วประกาศให้ปีต่อปี หากใครต้องการใช้ก็ไปจ้างคนคัดลอกเอามา เพราะคำนวณเองจะเสียเวลามาก ดังนั้นโหรชาวบ้านที่อยู่ไกลๆตามหัวเมือง บางที่ไม่มีข้อมูลดาวเวลาเกิด ก็ใช้วิธีดูวงรอบธรรมชาติ วันเดือนปี หรือทักษา เป็นหลัก แต่พวกมีข้อมูล บางทีก็มีเฉพาะเวลาเกิด แต่ดาวจรไม่มี ก็ต้องไปใช้เกณฑ์ชันษรจร อายุจร ลัคน์จร เป็นต้น แต่ยอมรับกันว่า การดูจากดาวจรโดยตรงจะใกล้เคียงความเป็นจริงมากกว่า ถ้าอยากคำนวณย้อนหลัง หรืออนาคตไกลๆ ก็ต้องลงมือคำนวณเอง
เมื่อดูดาวตามปฏิทินแล้ว ก็ต้องดูดาวจริงบนท้องฟ้าด้วย เพื่อประกอบการวางดาวในดวงชะตา เพราะยังมีอยู่หลายอย่างที่สำนักพระโหราธิบดีไม่ได้คำนวณให้ หรือคำนวณให้ แต่ต้องตรวจสอบด้วย เช่น การปัดเหนือ และปัดใต้ตามฤดูกาล อุจจนี และดาวฤกษ์ที่ใช้วัดอ้างอิง หลังจากตรวจแล้ว การวางดาวในดวงชะตา โบราณท่านจะเขียนเลขดาวทีละดวง เขียนเลขหนึ่งก็ต้องพิจารณาให้หมด ทั้งธาตุ ราศีธาตุ องศา ราศี การโคจร พักร มนฑ์ เสริด เป็นต้น เสร็จแล้วจึงเขียนอีกเลขหนึ่ง ที่ละดวงจนครบ แล้วจึงไปวางลัคนา ซึ่งต้องพิจารณาอีกมากมาย ถ้าผูกแบบโบราณก็จะคำนวณตั้งตารางธาตุ หรือ แกนธาตุ เอาไว้เลย กว่าจะผูกดวงเดิมเสร็จก็ใช้เวลามาก ร่วม 3 ชั่วโมงเห็นจะได้ ถ้ารวมที่ต้องดูท้องฟ้าด้วย บางดวงชะตา ผูก 3 วันก็ยังไม่เสร็จ การทำเช่นนี้ทำให้ได้ใช้ความรู้ภาคปฏิบัติมาก ไม่ให้วางดาวกันฉับๆ หรือกดคอมพิวเตอร์แล้วทายเลย ทำให้ขาดความรู้ไปหลายอย่างขณะผูกดวง ซึ่งจะมีผลต่อการพิจารณาดวงชะตานั้นๆ
โบราณ ท่านนับถือวิชาและดวงชะตาเป็นครูอาจารย์ เวลาเริ่มทำงานก็ต้องไหว้ เสร็จแล้ว ก็ต้องลบกระดานชนวนด้วยผ้าเปียกหมาดๆ เอาผ้าไปซักน้ำ เอาน้ำนั้นไปรดต้นไม้ใหญ่ เหมือนกรวดน้ำ เพราะต้นไม้ใหญ่มีรากลึกลงไปในดิน จะได้นำน้ำนั้นลงไปสู่พระแม่ธรณีที่ได้ปกปักรักษาร่างของครูอาจารย์ที่ล่วงลับไปแล้ว แสดงความกตัญญูรู้คุณ เป็นวิธีอบรมสั่งสอนอีกทางหนึ่ง ต่างกับสมัยนี้ ในเมื่อได้อะไรมาง่ายๆ ใช้เงินฟาดหัวเอามาได้ ก็เลยมักง่าย ไม่รู้คุณค่าของวิชา ใช้ไปในทางที่ผิด ผิดศีลธรรม ไม่มีจรรยาบรรณ อย่างที่เราเห็นๆกันอยู่ บางเว็บ บางกระทู้ หรือ หนังสือพิมพ์ ก็เห็นมีคนออกมาด่า ครูอาจารย์โหรว่าหวงวิชา เก็บไว้จนวิชาตายไปกับตัว ทำให้ประเทศชาติล้าหลังไม่เจริญ สู้ฝรั่งไม่ได้ คนเหล่านี้จบปริญญาโท ปริญญาเอก ก็มี ผมว่าที่ครูโหรท่านเก็บความลับไว้จนตายไปกับตัว หรือฝังตำราลงดินให้ผุพังส่งคืนครูอาจารย์ไป ก็เพราะหากไม่ได้ให้แก่คนที่เหมาะสม ก็ไม่อยากให้แก่คนเลวๆเหล่านี้ได้ไปเลยมากกว่า เมื่อได้ไปแล้วก็เอาไปดัดแปลงแต่งเติม แล้วขายต่อ หรือพยากรณ์ให้คนอื่นแพงๆ ตั้งตัวเป็นอาจารย์ ทำเป็นอมภูมิต่อไป ที่เขาออกมาด่าก็เพราะอยากจะได้วิชา แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ขนาดผมเองก็เคยมีคนเอาเงินมาฟาดกบาลจะให้สอนวิชาอยู่หลายครั้ง อาจารย์บางท่านโดนกันมาเยอะกว่านี้ จนท่านต้องหนีไปซ่อน เมื่อ 40 กว่าปีก่อน มีอาจารย์อยู่สองท่าน ถูกบุคคลในเครื่องแบบพาลูกน้องบุกไปเอาปืนจ่อหัวลูกเมีย บังคับให้บอกเคล็ดลับให้ แล้วยังขนเอาสมุดจด และตำราโหราศาสตร์ไปหมดบ้าน เมื่อได้ไปแล้ว ก็ไม่เห็นเขาเก่งสักแค่ไหน วิชาเสื่อมหมด
ธรรมดาครูโหรที่แท้จริง และมีวิชาความรู้ท่านจะไม่หวงวิชา เรื่องกลัวศิษย์คิดล้างครู เป็นเรื่องในนิทานเท่านั้นเอง นั่นเป็นครูวิชาอื่น ครูโหรอะไรกันเลือกศิษย์ที่มาล้างครูได้ แสดงว่าครูไม่รู้จริง เพราะก่อนจะสอนใครท่านต้องดูนิสัย ใจคอ อย่างรอบคอบ ไม่ใช่ดูชุ่ยๆ ลวกๆ หรือเลือกที่มีเงินเยอะๆ อย่างครูโหรสมัยนี้ เมื่อได้ลูกศิษย์มาแล้ว ท่านก็จะดีใจ เลี้ยงดูอย่างดี ครูโหรสมัยก่อนที่ผมเรียนด้วยทุกท่าน ไม่เคยมีใครปิดบังเคล็ดลับวิชาอะไรเลย ท่านสอนให้หมดใส้หมดพุงทุกคน ไม่เคยเสียเงินเรียน และไม่เคยต้องไปรับสัจจะอะไรมา เพราะศิษย์แต่ละคนต้องรู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควรอยู่แล้ว
แต่การที่จะให้ท่านมาประกาศเคล็ดลับวิชาครูลงหน้าหนังสือพิมพ์ หรือสอนแบบเทกระจาด หากไม่ทำจะถือว่าใจแคบ หวงวิชา ทำให้บ้านเมืองล้าหลัง ถือเป็นข้อหาที่พาลเกินไป พวกเราแต่ละคนต้องหันกลับมามองรอบด้านและตัวเองให้ดีเสียก่อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น