วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

การเรียงธาตุของไทยและจีน

.........วิชาทางโหราศาสตร์  และ ไสยศาสตร์ของจีน     มีการเรียงธาตุไม่เหมือนมหาทักษาของไทย    ข้อแตกต่างใหญ่ๆ  มี  สอง   ประการ

.......หนึ่ง......
ทักษาของไทย  ที่เรียกว่า  ทักษาคู่ธาตุ   หรือ “มหาทักษา”  กระแสธาตุมีการโคจรเวียนขวา   หรือ  “ทักษิณา”   ( คือ   เคลื่อนที่ไปเป็นวงรอบ  โดยหันมือขวา เข้าด้านในตรงกลาง )      แล้วไปหยุดสถิตอยู่ตามทิศที่เป็นแหล่งธาตุแต่ละชนิด    รวม  8  ทิศ     การโคจรของมันเวียนเป็นวงจรวัฏจักร

........ มหาทักษา   ไม่มีอะไรที่จุดศูนย์กลางหรือตากลาง    วงจรทักษาเป็นแนวเชิงเส้น     เหมือนเส้นเชือกที่วกกลับมาบรรจบเป็นวงกลมเท่านั้น       

ต่างจาก  ธาตุของจีน   ที่มีกระแสธาตุ  เข้า  และ  ออก   จากจุดศูนย์กลาง   ตามแนวรัศมี  ทั้งแปดทิศ    และทิศบน     ทิศล่าง  อีก  รวมเป็น  10  ทิศ       ดังนั้น  แม้การกำหนดทิศของธาตุ   จะคล้ายกัน   เมื่อมองจากจุดศูนย์กลาง      แต่การโคจรของธาตุจะไม่เหมือนกัน

.......สอง.......
มหาทักษาของไทยนั้น    ธาตุต่างๆเป็นธาตุที่แตกตัวไปจากอาทิตย์      แล้วส่งผ่านมายังโลก    โดยโลกหมุนเข้าไปรับธาตุเหล่านั้น  เข้ามาสะสมอยู่ในตัวเอง   

โบราณจึงถือว่าเป็นธาตุใน  “ธรณี”     

อาทิตย์ในโหราศาสตร์ไทย     เป็นแหล่งของพลังงานชีวิตและธาตุของ  “จักรวาล”  ทั้งหมดด้วย    ดังนั้นอาทิตย์จึงเป็นประธาน   ในจักรวาล      

ดาวอื่นๆถือว่าเป็นบริวารที่จะต้องรับธาตุจากอาทิตย์

...........ต่างจากระบบธาตุของจีนที่ถือว่าอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงาน  และธาตุ ก็จริง      
แต่เป็นการเผาผลาญเรื่อยไป     แต่ดาวพฤหัส  เป็นผู้รับพลังงานชีวิตและธาตุเหล่านั้นมาสะสมไว้   แล้วเป็นผู้แจกจ่ายให้แก่บริวารทั้งหลาย      

จีนจึงถือ  พฤหัส  เป็นประธาน   และเป็นจุดเจ้าชะตาสำคัญกว่าอาทิตย์       

เหตุที่เป็นเช่นนี้  เพราะโหราศาสตร์  และไสยศาสตร์จีน   ใช้ระบบดาวฤกษ์ร่วมด้วย    ดังนั้น  พฤหัสจึงเป็นผู้รับธาตุจากดาวฤกษ์อื่นมาให้แก่บริวาร อีกเช่นกัน จึงมีอำนาจมากกว่าดาวอื่นๆ      

ด้วยเหตุนี้   จีน  จึงมักสมมุติ  พฤหัส  เป็นประธานแห่งเทพ  คือ  เง็กเซียนฮ่องเต้    
ในขณะที่  อาทิตย์  และดาวฤกษ์อื่น   เป็นเพียงจักรพรรดิ์  หรือ  กษัตริย์เท่านั้น

..........โหราศาสตร์จีนที่ใช้  “พฤหัสจักร”  จึงถือว่ามีวงรอบอิทธิพลสูงกว่า   “สุริยจักร”  หรือที่ไทยเราเรียกว่า   “ราศีจักร”  นั่นเอง     

แผนภูมิธาตุของจีน  ที่คุณเห็นเขียนเลข   5  ไว้ตรงกลาง   จึงน่าจะหมายถึงการกระจายธาตุจากพลังของพฤหัส    ไม่ใช่อาทิตย์     แต่ผมก็อาจจะเข้าใจผิดได้

.........โหราจารย์ของไทยเรา   ก็ทราบเรื่อง พฤหัส  เป็นอย่างดี      

ใน  วิชาพฤหัสจักร  ของไทย  ก็ถือพฤหัส  เป็นดาวประธานที่สำคัญ     

 เป็นเคล็ดที่รู้ดีในหมู่โหรไทยอยู่แล้วว่า   ธรรมดาดาวจร  ที่จะเกิดเหตุการณ์ นั้น    จำเป็นต้องได้รับ  แสง  คือ  กระแสธาตุ  และพลัง  จากอาทิตย์ก่อนทุกดวง     

ยกเว้นแต่  พฤหัส  เพียงดวงเดียวไม่จำเป็น    เพราะพฤหัสมีพลังอยู่ในตัวเอง       

ในนิทานโหราศาสตร์   จึงเปรียบเทียบ  พฤหัส  เป็นอาจารย์ ฤาษี    
ส่วนอาทิตย์เป็นลูกศิษย์   ก็เพราะเหตุนี้แหละ     

แต่โดยเหตุที่พฤหัสมีพลังธาตุจากดาวฤกษ์ร่วมด้วย     ความรู้จึงมากกว่าลูกศิษย์คืออาทิตย์       แต่ศิษย์ที่รู้มากมักทรนงตัวว่าเก่งกว่าอาจารย์    เพราะมีแสงแสบตากว่า     เผลอๆมักคิดล้างครู   ครูก็เลยต้องเก็บความรู้บางส่วนเอาไว้   ไม่สอนจนหมด

.........ประโยคนี้ไม่ได้พูดเล่น   แต่เป็น “ความรู้” ทางโหราศาสตร์ไทย      ไปแปลเอาเองเถอะ

...........เห็นบ่อยๆว่า    ในเมืองไทย    มีอาจารย์ฮวงจุ้ยบางท่าน    สอนวิชาฮวงจุ้ย    แต่ท่านเอาแผนภูมิ มหาทักษาของไทยไปกำหนดทิศโคจรธาตุ     มีทิศศรี  และกาลีเสียด้วย   บอกว่าเป็นโหราศาสตร์ไทย ประยุกต์กับจีน       ไม่มีใครทราบว่าผิดหรือถูก     

ที่น่าทึ่งคือท่านใช้  เนปจูน  และ  พลูโต  เป็นเกษตรราศี     หากใช้ทำนายยังพอฟังได้      แต่ทราบว่าท่านใช้เนปจูน  และพลูโตร่วม ธาตุ ในมหาทักษาด้วย         นึกไม่ออกว่าเอาไปใช้อย่างไร

.........เหตุนี้แหละ    ครูโหรท่านจึงเก็บความลับใน มหาทักษา    ให้ยังคงเป็นความลับตลอดไป     เพื่ออนุรักษ์ความรู้ดั้งเดิมเอาไว้    และมอบให้เฉพาะแก่ผู้เหมาะสมเท่านั้น   แต่ไม่ใช่ เอามหาทักษามา เวียนซ้าย  นะ     อันนั้นเป็นเคล็ดลับปลอมๆที่เขาหลอกเอาเงินลูกศิษย์     บาปกรรมจริงๆ     ใครจดไว้ให้ลบออกด้วย......จะได้บุญ




ไม่มีความคิดเห็น: