วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ตัววัด กับ สิ่งที่ถูกวัด

.........โหราศาสตร์ใช้วิธีศึกษาเหตุการณ์ในธรรมชาติหนึ่ง เพื่อพยากรณ์เหตุการณ์ในอีกธรรมชาติหนึ่งที่เราต้องการรู้ เช่นใช้การโคจรของดวงดาวในจักรราศี มาพยากรณ์ ความเป็นไปในชีวิตมนุษย์ ธรรมชาติส่วนแรกที่ใช้ศึกษานั้นเป็น “ตัววัด” ในฐานะเป็นเครื่องมือเทียบเคียง ส่วนธรรมชาติที่เราต้องการรู้นั้นคือ “วัตถุที่ถูกวัด”

..........ตัววัด ของโหราศาสตร์จำเป็นต้องมีเสกลที่ละเอียดกว่าตัวถูกวัด เช่น เราอยากรู้ส่วนสูงของตัวเรา เราก็ต้องเอาตลับเมตรที่มีเสกลละเอียดกว่ามาวัด เพื่อบอกส่วนสูงเป็นเซ็นต์ เป็นนิ้ว หรือฟุต แต่ถ้าเราเอาตลับเมตรที่มีขีดเสกลความยาวหนึ่งไมล์มาวัดส่วนสูงของคน เราจะวัดไม่ได้ผลครับ เพราะไม่มีขีดแบ่งที่สั้นกว่าส่วนสูงของเรา

...........ชีวิตคนนั้น โดยเฉลี่ยจะมีอายุไม่เกิน 100 - 150 ปี ดังนั้นการเอาธรรมชาติจากดาราศาสตร์มาใช้วัด ก็ต้องเลือกเอา พารามิเตอร์ ที่มีเสกลต่ำกว่าอายุของชีวิตมนุษย์ลงไป เช่นการโคจรของดาวมฤตยู รอบละไม่ถึง หนึ่งร้อยปี หรือหากมีรอบวงโคจรที่นานกว่านั้น เช่น เนปจูน หรือพลูโต ก็ต้องแตกเสกลออกเป็นราศี เพื่อให้สั้นกว่าชีวิตมนุษย์ ส่วนดวงดาวนอกจากนั้นรอบการโคจรก็ต่ำกว่าอยู่แล้ว เมื่อแบ่งละเอียดลงไปถึงราศี ก็สั้นมาก เช่น จันทร์โคจรราศีหนึ่งเพียง 2 - 3 วัน เท่านั้น เมื่อเป็นดังนี้ เราจึงสามารถอ่านเหตุการณ์ความเป็นไปในชีวิตมนุษย์ได้ละเอียดตามต้องการ

...........นอกจากนั้น การที่เราเลือกดาราศาสตร์มาเป็นตัวใช้วัด ก็ด้วยเหตุผลหนึ่งที่สำคัญ ก็คือ การโคจรของดวงดาวนั้น กำหนดไว้เกือบจะแน่นอน ในรอบหลายพันปี ดวงดาวจะมีวงโคจรผิดไปไม่กี่องศาเท่านั้น สมมุติว่าดาวอังคาร ดาวศุกร์เต้นขึ้น เต้นลง ตามใจของมัน หรือมีคาบการโคจรที่ไม่แน่นอน อยากเดินก็เดิน อยากถอยก็ถอย หากเป็นเช่นนี้ ก็เหมือนตลับเมตรของเรายืดๆ หดๆ เอามาเป็นหลักอะไรไม่ได้ การคำนวณตำแหน่งดาวก็ทำไม่ได้ เช่นนี้ เราก็ไม่สามารถพยากรณ์ได้ ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงไม่ทำปฏิทินดาวหาง ดาวตก หรือผีพุ่งใต้ มาใช้พยากรณ์ดวงชะตา ไม่ว่าจะมีดาวตกอยู่บ่อยๆแค่ไหน

..........เหตุการณ์แผ่นดินไหว หรือการเกิดของคลื่นยักษ์ที่ตามมา เหตุที่มันเกิดโดยไม่แน่นอน ต่อให้เกิดบ่อยแค่ไหน นักวิทยาศาสตร์ก็ยังพยากรณ์ไม่ได้ นอกจากจับได้คร่าวๆเพียงอาฟเตอร์ช็อคที่ตามมา เราไม่สามารถทำปฏิทินพยากรณ์การเกิดเหตุได้ในตอนนี้ นอกจากเอาข้อมูล สักร้อยหรือพันล้านปีมาศึกษาดู ก็น่าจะทำโมเดลคณิตศาสตร์ได้ชัดเจนขึ้น 

ไม่มีความคิดเห็น: