วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

จรรยาบรรณโหร

ตอบ    ​..........​การตั้งชื่อทางโหราศาสตร์  ไสยศาสตร์    มีหลักเกณฑ์  แต่​ไม่​ถึง​กับ​เป็น​กฏนะครับ   เพราะ​เป็น​เรื่อง​ความ​พึงพอใจเฉพาะตัวบุคคล    ใครอยาก​จะ​ตั้งชื่ออย่างไรก็​ไม่​มี​ใครห้าม   แต่ผมเห็นว่าคนสมัยนี้  อ้างโหราศาสตร์​กัน​เกินไป   เอะอะอะ​ไรก็​ โหราศาสตร์   จน​ถึง​เอา​ไปหลอกคน​ให้​เปลี่ยนชื่อเพื่อโน่นเพื่อนี่  ให้​รวย  ให้​เลื่อนตำ​แหน่ง    คุณถามมาก็ดี​แล้ว    จะ​ได้​ถือโอกาสอธิบายเสียเลย  ว่า​โบราณมีหลักคิดอย่างไร    ผมเขียน​ไว้​ว่า



        ทางไสยศาสตร์นั้น   มัก​จะ​การเทียบเคียงเสียงพ้องการเรียกขาน   อย่างเช่น   ทองหยิบ  ทองหยอด  ฝอยทอง  เพราะ​มีคำ​ว่า​ ทอง     ซึ่ง​ต่าง​จาก​โหราศาสตร์​จะ​ถือ​เป็น​เพียงขนมหวาน    หรือ​อย่างไสยศาสตร์​ ​จะ​แนะ​ให้​ปลูกไม้มงคล  เช่น  มะยม  มะขาม   เพื่อ​ให้​ ​เกิด​ความ​ นิยม  และ​คน​ เกรงขาม   ใน​ขณะที่​โหราศาสตร์มองตรงว่า​เป็น​เพียงต้นไม้มีผลกิน​ได้​เท่า​นั้น    ไสยศาสตร์ถือ​ ​เลข​ 9 ​ว่าดี  เพราะ​พ้องเสียง​กับ​คำ​ว่า​ ก้าวหน้า     เลข​   6  ​ไม่​ดี  เพราะ​พ้อง​กับ​คำ​ว่า​ หกคะ​เมน     จึง​มีนักโหราศาสตร์ที่​ไม่​รู้​เรื่องบางคน   เอามาวางเวลาฤกษ์  กลาย​เป็น​มอมเมาค่านิยมผิดๆ​ให้​แก่สังคม     ทั้งๆ​ที่ทางโหราศาสตร์​ไม่​ได้​ถือ    หาก​จะ​ถือ​กัน​แล้ว  การวางเลข​ 6  อาจ​จะ​รวย   แต่​เลข​ 9  อาจ​จะ​เสีย​ด้วย​ซ้ำ



        ข้อแรก   การตั้งชื่อทางไสยศาสตร์   จะ​เอาความ​หมาย   เช่น  อัจฉรา  นางฟ้า   เพราะ​ไสยศาสตร์ยึดผลทาง​ความ​รับรู้ของจิต  และ​ชีวิต   เมื่อถูกเรียก   เมื่อชื่อดี​แปลดี  ก็มีผล​ได้​เหมือน​ให้​พร   หากชื่อ​ไม่​ดี    เช่น​ อัปรีย์    ทรพี    เมื่อถูกเรียกบ่อยๆ       เหมือนถูกแช่งด่า        ข้อสอง........​ไสยศาสตร์ถือคำ​พ้องเสียงด้วย  เช่น​ เรวดี  ฟังเหมือน​ เลวดี   สหัส  ฟังเหมือน​ สาหัส"  ทำ​ให้​เหมือนถูกแช่งด่าอีกเหมือน​กัน   ไม่​เป็น​มงคล       ข้อสาม.....​ไสยศาสตร์​จะห้ามการตั้งชื่อที่​ไม่​สม​กับ​ตน  เช่น   ขอทานไร้ที่พึ่ง   แต่ตั้งชื่อว่า​ อมรินทร์  เทพ  เทวา     หรือ​คนง่อย   ไม่​เต็มเต็ง   แต่ตั้งชื่อว่า​ บวรเดช   ไอศูรย์    คนจนๆ​ธรรมดา​ ​แต่ตั้งชื่อว่า  ฮ่องเต้   หรือ​ ศุภกษัตริย์    หรือ​คนต่ำ​ช้า  ตั้งชื่อว่า​ สรรเพชร(คำ​ไวพจน์  พระนามพระพุทธเจ้า)    ตั้งแบบนี้​โบราณถือมาก   ว่าอัปรีย์​จะ​กินหัว   ตอน​เป็น​เด็กก็​เลี้ยงยาก    เจ็บออดๆ​แอดๆ​อาจ​จะ​ตายเสียก่อน  เพราะ​ชื่อสูงเกินไป  ดวง​ไม่​ถึง    เขา​จึง​มักตั้งชื่อชาวบ้านว่า  ***หมา  อี​แมว   ***แก้ว  หรือ  ชื่อต้นไม้  ดอกไม้   ผลไม้  ฟักแฟง  แตงโม  ให้​เลี้ยงง่าย



          ข้อสี่....​ไม่​ใช้​คำ​ใน​ชื่อที่มี​เสียงตรง​กับ​ดาวที่อ่อนกำ​ลัง​ใน​ดวงชะตา​หรือ​ทุสถานะ  เป็น​ ​ประ  นิจ   กาลกิณี  อริ​ ​มรณะ​ ​วินาสน์​  เช่น​ ประชัย   อรรถนิตย์   ธารวิชนี  อริราช   มอญ   ริปูวินาสน์  แม้​จะ​แปลดี  แต่​เสียงเพี้ยน  หรือ​ถูกเรียกสั้นๆ​แล้ว​ไม่​เป็น​มงคล   อะ​ไรแบบ​นั้น     ส่วน​คำ​ว่า​  ศรี   มนตรี   เดช   ศุภ ลาภ  ไม่​เป็น​ไร    จะ​เห็นว่าคำ​มา​ ​จาก​ชื่อภูมิ​และ​ ​เรือนมหาทักษา   แต่​ไม่​ใช่​ใช้​อักขร    ส่วน​หลัก​อื่น​เป็น​เรื่องของอักขรวิธี  และ​เรื่องลับทางวิชา​ไสยศาสตร์  ขอ​ไม่​พูด​ถึง​ตรงนี้   ส่วน​ใหญ่​หลักการตั้งชื่อที่บอกมา    ผู​ใหญ่​สมัยก่อน​จะ​รู้​กัน​ทุกคน



           ทีนี้มาทางโหราศาสตร์บ้าง   โหราศาสตร์​นั้น​ตั้งชื่อยาก   ต้อง​เข้า​ใจว่า​โหราศาสตร์​เองแท้ๆ​ ​ไม่​ได้​ถือเรื่องชื่อ   แต่ที่นำ​มา​เป็น​หลักเกณฑ์คือปัจจัยที่​ได้​มา​จาก​โหราศาสตร์​เท่า​นั้น       ข้อแรก.....​โหราศาสตร์อ้างอิงวงรอบธรรมชาติ    เวลา  และ​สถานที่​เกิดว่ามีผลต่อดวงชะตา    จึง​มักตั้งชื่อตามปัจจัยที่​เป็น​ธาตุตัวแทนเจ้าชะตา  และ​ดวงชะตา   เช่น   ชื่อ​ จันทร์  อังคาร  พุธ  พฤหัส  ศุกร์   เสาร์  อาทิตย์  ศศิ    ตามวันเกิด  หรือ​ มกร   กุมภ์  มีน​....ตามราศี   หรือ  มุสิก   ภุชงค์   อาชา​.....ตามนักษัตร     หรือ​ อุบล   อุดร  ทักษิณ​......ตามทิศ      หรือ  นคร   เพชร   ปทุม​......  ตามท้องถิ่น    โดย​อาศัยเอาดาว  หรือ​เรือนที่​เข้มแข็ง​ให้​คุณมาตั้ง  เพื่อ​ให้​เกิดผลทางโหราศาสตร์​แก่ดวงชะตา     ข้อสอง......ต้อง​เรียกง่าย   ไม่​สะดุดลิ้น  เพราะ​การเรียกชื่อ​แล้ว​ไม่​ราบรื่น   คือ​ ​อริ  มรณะ  วินาสน์   เกิด​เป็น​อุปสรรคดัง​นั้น​จึงห้ามตั้งชื่อที่​เรียกยาก   ประ​เภทเรียกยาก  ออกเสียงลำ​บาก  แปลยาก  เช่น  นฤคหต     ถือว่าชีวิต​จะ​มีอุปสรรค    ให้​ตั้งชื่อเสียงไพเราะ    เป็น​เสียงดนตรี  คล้องจอง  ไพเราะ  ชีวิต​จะ​ได้​สะดวกราบรื่น  เป็น​ต้น     ข้อสาม.....มี​ความ​หมาย​เข้า​ใจง่าย   ไม่​เข้า​ใจผิด   เพราะ​เข้า​ข่ายการหลอกลวง  คือ​ ​ราหู  หรือ​ ​เนปจูน​ ​(​ใน​โหรฝรั่งก็ถือ)   ซึ่ง​เป็น​ดาวบาปเคราะห์    ข้อสี่......ให้​ใช้​ปัจจัยที่​เป็น​ตัวเจ้าชะตา    เช่น  ชื่อ​ บัณฑิต   เพราะ​ดวงชะตา​จะ​ได้​บวชเรียน      ชื่อ  ชาญวุฒิ  เพราะ​จะ​เรียนจบปริญญา    ชื่อ​ ศุภลักษณ์  เพราะ​จะ​เป็น​คนสวย  อะ​ไรแบบนี้   ท่าน​ให้​ตั้งชื่อตามกรรมที่​เป็น​ตัวเจ้าชะตา     ชีวิต​จะ​ได้​ดำ​เนินไปถูกวิถีชีวิต     ข้อห้า...... ไม่​ตั้งตามดาวที่​เสียหาย​อยู่    เช่น​ใน​ดวง​ ​มีอังคารกุมเสาร์    ก็​ไม่​ให้​ตั้งชื่อว่า​ อังคาร  หรือ​ เสาร์    แต่​ให้​ตั้งตามดาวที่ดี  ธาตุที่ดี  เช่น  สุริยา  วารี   ปฐพี     และ​ยัง​มีอะ​ไรอีกมาก   แต่หลักๆ  ก็​เป็น​ไปตาม  4 5  ข้อนี่​แหละ



       ใน​กระทู้หลังๆ​มานี้คุยแต่​เรื่องยากๆ     จึง​อยากเปลี่ยนเรื่องเบาๆ​บ้าง     ระยะนี้มี​เรื่องที่พูดถกเถียงเรื่อง​ จรรยาบรรณ  อยู่​หลายแห่ง​ ​ทั้ง​ใน​ระดับประ​เทศ    การเมือง   ทีวี​   ลงมา​ถึง​เว็บโหร​ 2 3  เว็บ      ฟังอ่าน​แล้ว​ก็สนุกดี   เพราะ​คิด​กัน​ไปต่างต่างนานา​    เรื่องจรรยาบรรณ  หรือ  มารยาทโหรนั้น  ที่จริง  ไม่​มีที่​ไหนบัญญัติ​เอา​ไว้  แต่ที่​เรา​ไปยกเอา​โคลงกลอนที่ท่านแต่งเอา​ไว้​เตือนใจ  เช่น  ทายเมียผัว​ ​เรื่องชั่วดี     ทายชีวีวิบัติตัดชันษา   ทายคุณโทษทารกทาริกา   เรียนโหราครูห้ามการทำ​นาย   แบบนี้  คน​ไม่​ค่อยรู้​เอา​ไปเถียง​กัน​มันก็ฟังน่า​แปลก​อยู่



         อัน​นั้น​เขา​เอา​ไว้​สอนนักเรียนครับ   เหมือน​ให้​เด็กท่องอาขยานชั้น​ ​ป​. 1  แต่​เรา​เอามาอ้างระดับ​ผู้​ใหญ่  มันคนละ​เรื่อง    คนที่​เรียน​ใหม่​ยัง​ไม่​รู้​เรื่องก็สอนเอา​ไว้​ก่อนสั้นๆ    แต่คนที่รู้​เรื่อง​แล้ว   ต้อง​พิจารณา​ไปหมดทุกเรื่อง   ผมเคยบอกเอา​ไว้​แล้ว​ว่า  คำ​สอนเหล่านี้ถูก   ที่ถูก​นั้น​เพราะ​ตามหลัก​แล้ว  คนที่​ไม่​รู้​เรื่องโหราศาสตร์ดี   ทายผิดมั่งถูกมั่งเหมือนคนหัด​ใหม่  หรือ​ ​หมอดู​ใหม่   ทาย​แล้ว​ผัวเมีย​เขา​ตี​กัน  แยก​กัน    ทายเด็ก​แล้ว​พ่อแม่​เกิดอคติ​ทั้ง​ทางดี  และ​ไม่​ดี  พาลเกลียด​หรือ​หลงลูก    ทาย​แล้ว​คนป่วยว่า​จะ​ตายเลยพาลลาตายไปจริงๆ   แบบนี้​เป็น​บาป​เป็น​กรรม    แม้​เรารู้​เรื่องดี​แล้ว   หากเลี่ยง​ได้​ก็​เลี่ยงเสีย   แต่การที่ยกเอาคำ​ว่า​ ......ครูห้ามการทำ​นาย.....มาอ้าง    มา​เถียง​กัน   คนวงการ​อื่น​เขา​รู้​จึง​ดูถูกตายชักเลย   ว่ามันกอดตัวหนังสือกัน​แบบนี้นี่​เอง    ลองสมมุติดู​เถอะว่า  หากเรา​เป็น​ผู้​ที่​ไม่​รู้​โหราศาสตร์​เลย  แล้ว​ต้อง​ให้​คนมาบอกไหมว่า   เรา​โต​เป็น​ผู้​ใหญ่​แล้ว  หากพูดอะ​ไรออกไป​แล้ว​อาจมีผลเสีย​ได้​เช่น​นั้น​เช่นนี้  เราควร​จะ​พูด​หรือ​ไม่



         จริงๆ​แล้ว  การที่​จะ​ทำ​นายอะ​ไร  ไม่​ว่า​เฉพาะ  2 3   เรื่องนี้หรอก  คนที่มีวุฒิภาวะ  ก็​ต้อง​พิจารณาทุกเรื่องไปว่า  ที่​เราทำ​นายไปเราก็​ไม่​แน่​ใจว่ารู้จริงๆ    ไปยุ​ให้​เพื่อนทะ​เลาะ​กัน   หรือ​ไปแนะ​ให้​เขา​ออก​จาก​งานมาลงทุนจนเจ๊ง    ไปแนะ​ให้​เขา​ใจเย็น​ไม่​ทำ​งานจนถูกไล่ออก   แบบนี้ก็​เป็น​เวร​เป็น​กรรม​ทั้ง​นั้น​    หมอดู​นั้น​ผิดศีลข้อ​ 4  ตั้งแต่​เริ่มเปิดปากพูดแล้     ดัง​นั้น  เขา​จึง​ต้อง​พยายามตั้งใจ​ให้​บริสุทธิ์  ตัดอคติ  โลภ  โกรธ  หลงทิ้งไปบ้าง  และ​พยายามตั้งใจ​ช่วย​ผู้​อื่น​ให้​บริสุทธิ์    มีครู  ไหว้ครู  ไหว้พระ​ให้​คุ้มครอง   เชื่อว่าผลบุญที่กระทำ​ ​กับ​การที่มา​แบกรับกรรม​จาก​การผิดศีลมุสา    พูดผิด   เพื่อ​ยัง​ประ​โยชน์​แก่คน​ส่วน​ใหญ่  จะ​เป็น​บารมีคุ้มครองเราต่อไป      ที่จริง​ไม่​มีครู​ไหน  ห้ามทำ​นายอะ​ไร    แต่ว่า​จะ​ทำ​นายอะ​ไรก็ตามก็​ต้อง​พิจารณาผล​จาก​คำ​พูดของเรา​ทั้ง​นั้น   ว่า​จะ​ทำ​ให้​บ้านเมืองแตกตื่นเสียหายไหม   คน​อื่น​เขา​จะ​ทุกข์มาก​หรือ​เปล่า  ถ้า​เขา​ไม่​ได้​มาขอ​ให้​ทายควร​จะ​ทายไหม



          แม้​แต่​เรื่อง​ ฤกษ์  ก็​เหมือน​กัน  ที่ว่า​โบราณท่านแช่งว่า​ .....ให้​ฤกษ์ผิด   (คน​ให้​ฤกษ์) ​จะ​ตาบอด    ก็​เอา​ไว้​เตือนพวกมือมั่ว ​ให้​ระวัง​เท่า​นั้น   ยิ่งสมัยนี้คน​ไม่​รู้​เรื่องฤกษ์    แต่ซื้อหนังสือมา​เปิด​ให้​ฤกษ์​กัน​เป็น​ทิวแถว  เพราะ​ราย​ได้​ดี    และ​ ​ก็​ไม่​เข้า​ใจว่าอะ​ไรคือฤกษ์        คนที่​เขา​รู้จริงๆ​ว่าอะ​ไรคือ​ ​ฤกษ์   ฤกษ์คืออะ​ไร  ไม่​ต้อง​ไปเตือน  เขา​ก็​ต้อง​ระวัง​อยู่​แล้ว    พอเรียนเรื่องฤกษ์จบ​ ​ก็​แทบ​ไม่​กล้า​ให้​ฤกษ์​ใครเลย​     เหมือน​กับ​คนเรียนเรื่องระ​เบิดแสวงเครื่อง     หากรู้​เรื่องดี   เมื่อประกอบระ​เบิด​แล้ว​ก็​ไม่​มี​ใครกล้า​ไปวาง​ให้​ลูกเล่น



           ไหนก็​เขียนเรื่องนี้​แล้ว   อยากพูดเรื่องสำ​คัญอีกเรื่องที่พวกเรา​เข้า​ใจผิด​กัน​มาก  คือเรื่อง​ โหรทายหนู​....  หลายคนคงรู้​แล้ว   เป็น​เรื่องนิทานหลายเวอร์ชั่น  ทำ​นองว่า  สมัยพระ​เจ้าปราสาททอง  หรือ​อยุธยา​    มี​โหรแม่นมาก   เกิดการท้าลองดี   พอดีมีหนูตกลงมาตัวหนึ่ง   พระราชา​เลยเอาขันครอบ​ไว้​ให้​ทายว่ามีหนูกี่ตัว    โหรทายว่า  5  ตัว  พอเปิดออกมา​แม่นเป๊ะ  เพราะ​หนูมันออกลูกออกมา​ ​อีก​ 4 ​ตัว   เลย​ได้​ตั้ง​เป็น​พระ​โหราธิบดี   นี่ก็​เป็น​นิทานเอามา​เล่า​กัน​ต่อๆ    น่า​จะ​แต่ง​โดย​คนที่​ไม่​รู้​โหราศาสตร์  เพราะ​นิทานเรื่องนี้ผิดหลักโหร​อยู่​อย่างหนึ่ง  เป็น​เรื่องที่สำ​คัญกว่า  จรรยาบรรณที่กล่าวมา​แล้ว​เสียอีก   เพราะ​เข้า​ใจ​กัน​ผิดๆ



            โหราศาสตร์​ไทย​นั้น    จะ​ไม่​ทายสิ่งที่​เรารู้​เรื่องดี​อยู่​แล้ว  หรือ​สามารถ​แสวง​ความ​รู้​นั้น​ง่ายกว่า   นี่​เป็น​หลักการสำ​คัญที​เดียว    เช่นกรณีข้างต้นหาก  ให้​โหรทำ​นาย  โหร​จะ​ไม่​ทาย   แต่​จะ​ขอ​ให้​เปิดขันออก  นับดูว่ามีหนูจริงๆ​กี่ตัว   หรือ​หาก​ให้​ประชันขันแข่ง    ไม่​ว่า​โหรไทย   พม่า  มอญ  ลาว  ก็​จะ​ยอมแพ้​ ​ไม่​ทำ​นาย​ ​ไม่​ประชันขันแข่ง​กัน    พอๆ​กับ​บังคับ​ให้​พระ​เคร่งๆ​ ​ฉันข้าวเย็น   จับมือสีกา  ท่าน​จะ​ไม่​ทำ     โหราศาสตร์​ไม่​ได้​มี​ไว้​เพื่อทำ​นาย     และ​แข่งขันโอ้อวด  หรือ​หากจำ​เป็น​ก็มี​ไว้​ ​เพื่อทำ​นายสิ่งที่​ต้อง​การรู้  แต่​ไม่​อาจรู้​ได้   อะ​ไรที่รู้​แล้ว   รู้จริง​ได้​จาก​ทาง​อื่น  หรือ​รออีกสักหน่อย​จะ​รู้​ความ​จริง     โหร​จะ​ไม่​ทำ​นาย​ (เว้นแต่สอบดวงชะตา)   ดัง​นั้น  พวกเราหลายคนที่ชอบ​ให้​ทายเล่นๆ​ว่า   ผมมีพี่น้องกี่คน    มี​แฟนกี่คน    หรือ​ได้​อะ​ไรมา    มี​เงิน​ใน​กระ​เป๋า​เท่า​ไร    หากคุณรู้​อยู่​แล้ว​หรือ​ทาย​กัน​เล่น​   โหรที่​เคร่ง  ท่าน​จะ​ไม่​ทาย    บางคนรู้อะ​ไร​อยู่​แล้ว  เช่น  ได้​เงินเดือนขึ้น​แล้ว   ได้​เลื่อนตำ​แหน่ง​แล้ว   มีสามี​แล้ว   มีลูก​แล้ว    แต่​แกล้งมาขอ​ให้​โหรทำ​นาย  ถามว่า  เดือดร้อนจริงๆ​ครับ    เมื่อไร​จะ​ได้​เงินเดือนขึ้น  เมื่อไร​จะ​เลื่อนตำ​แหน่ง   เมื่อไร​จะ​พบแฟนเสียที  แล้ว​จะ​มีลูกไหม   สอบ​ได้​เกรดอะ​ไร   เพื่อ​จะ​หลอกลองดู​เล่น    แบบนี้ถือว่า​เป็นบาปกรรม    เป็น​การทำ​บาปต่อโหรที่ท่านอฐิษฐาน​ไว้​ว่า​จะ​อุทิศตน​ช่วย​เหลือ​ผู้​คนที่​เดือดร้อน  แล้ว​สละ​เวลามานั่งคิด​ให้        ดัง​นั้น  การ​ใช้​โหราศาสตร์  ครูอาจารย์ท่าน​จึง​อบรม   ให้​ใช้​เมื่อจำ​เป็น    ไม่​ใช้​พร่ำ​เพรื่อ​ทั่ว​ไป  และ​ใช้​ด้วย​วิจารณญาณอย่างสูงสุดทุกครั้ง     แต่ก่อนเรา​จึง​มัก​จะ​ดูดวงชะตา​กัน​เพียงปีละครั้ง​    นอก​จาก​คนป่วย  คนมีทุกข์ร้อน  จึง​ดู​ได้​เสมอ



          อีกเรื่องแถมท้าย  คือเรื่อง​ ยามอุบากอง​.... ​เป็น​นิทาน    ที่ว่า​ อุบากอง  เป็น​นายทัพพม่าถูกจับมา​เป็น​เชลย    สามารถ​หนีคุกไทยกลับไปพม่า​ได้  เพราะ​ใช้​ยามอุบากอง  ตามกลอนว่า​ ศุนย์หนึ่ง  อย่าพึงจร  แม้นราญรอน​ ​จะ​อัปรา     ศูนย์สองเร่งยาตรา  จะ​ได้​ลาภสวัสดี​..........  อะ​ไรนั่น   ถึง​กับ​อุบากองเอาตารางยามมาสัก​ไว้​ที่​โคนขา    ชอบเอามาอ้าง​กัน​นัก        ลองคิดดูง่ายๆ​ก็​ได้​ว่า   อุบากอง​เป็น​ถึง​ระดับนายทัพพม่า   จำ​ยามอุบากอง​เป็น​ตาราง​ 4 5 ​ช่อง  มีกากะบาดง่ายๆ​ไม่​ได้  ขนาด​ต้อง​สัก​ไว้​กับ​โคนขา   ทีคำ​กลอนไขปริศนายาวกว่ามากมันดันจำ​ได้    ปัญญาอ่อนแบบนี้​ ​พม่า​ไม่​ต้อง​บุกมา​ถึง​อยุธยาหรอก   เอา​แค่ออก​จาก​หงสาวดีก็สะดุดก้อนกรวดหัวทิ่ม​    โดนช้างเหยียบแบนไปก่อน​แล้ว​.....​ไม่​รู้อะ​ไรเชื่อ​กัน​อยู่​ได้



           จะ​เห็นเรื่องแปลก​ได้​ใน​สังคมโหรเมืองไทยของเรานี้อย่างหนึ่งก็คือว่า    อะ​ไรที่​เป็น​เรื่องหน่อมแน้ม   ไม่​น่า​เชื่อ  หรือ​ไม่​ควรเชื่อ   กลับกอดตัวหนังสือเชื่อ​กัน​เป็น​ตุ​เป็น​ตะ  ขนาดเอามาวิจารณ์​กัน​ใหญ่​โต​    แต่อะ​ไรที่​เป็น​เรื่องสำ​คัญ   เป็น​ข้อที่​ต้อง​ระวัง   ขนาดศีลขาด  เช่น   การวางฤกษ์    การทำ​นายดวงชะตา   การวิจารณ์ดวงเมือง    การตั้งชื่อ   เป็น​ต้น   ที่สมัยก่อนคนโบราณระวัง​กัน​มาก   พวกเรากลับทำ​กัน​เป็น​เหมือนของเล่น     ดู​แล้ว​ก็​ไม่​เข้า​ใจเหมือน​กัน​ว่าการเรียนการสอนวิชานี้มันแย่   หรือ​คนเดี๋ยวนี้​แย่  หรือ​คนสมัยก่อนมันแย่​กัน​แน่



ผู้​แสดง​ความ​คิดเห็น ​วรกุล ​วันที่ลงประกาศ​ 06-05-2005 04:41:41 IP :

ไม่มีความคิดเห็น: