วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ราหูเข้าราศีมีน และดวงเมือง

                ช่วงที่ราหูยกเข้าราศีมีนใหม่ๆ     มีข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์อย่างใหญ่โต   ว่าจะมีเรื่องต่างๆที่เลวร้ายเกิดขึ้นตลอดปีนี้    โดยเฉพาะช่วง 2 – 3 วันแรก   กลัวกันถึงกับไม่กล้าทำอะไร     อันที่จริงก็มีผู้รู้บางคนออกมาบอกว่าไม่เป็นอะไร   รวมถึง  พระสงฆ์องค์เจ้าหลายรูป   ท่านก็ออกมาเตือนว่าอย่าเชื่อเรื่องเหลวไหลไร้สาระที่หมอดูกุข่าวขึ้นมา     แต่คำเตือนหรือความเห็นทางที่ดีนั้นไม่เป็นข่าวใหญ่    ก็เพราะสื่อมวลชนอยากขายข่าวร้ายมากกว่าข่าวดี     รวมทั้งหมอดูก็ชอบทายทางร้าย    เพราะเหตูการณ์ร้ายนั้น   ผลทางจิตวิทยา จะ ประทับใจคนมากกว่าข่าวดี    ทำให้รู้สึกว่าทายแม่น

                อันที่จริง   บ้านเมืองเราก็มีทั้งร้ายและดีมาแต่ละปีทุกปี   ไม่ว่าจะเป็นปี ชวด  ฉลู  ขาล  เถาะ  มะโรง มะเส็ง   หรือดาวอะไรยก  ก็ยกมาแล้วทุกดวง   ทุกราศี     หมอดูบางท่านก็ทายโดยยกเหตุผลประกอบได้ดีพอสมควร   แต่บางท่านก็โมเมตามเขาไป     ประชาชนนั้นไม่รู้อิโหน่อิเหน่    ที่เชื่อ  ไปกราบไหว้ราหูก็มีมาก    แต่ที่มีมากกว่าคือไม่เชื่อ   กับ เฉยๆ   นักเรียนโหรในเว็บต่างๆก็เห็นมีถามกันให้ขวักไขว่ไปหมดว่า    ราหูเข้าราศีมีนแล้วจะเป็นอย่างไร

                อยากให้ข้อคิดจากข่าวนี้อยู่สองสามอย่าง   แม้จะเสี่ยงจากคนมาด่าบ้างก็ต้องลองดู     เรื่องแรกคือการใช้ “ดวงเมืองกรุงเทพฯ”    มาทำนายบ้านเมืองทุกครั้ง    เกิดจากหมอดูชื่อดังหลายท่านเอามาใช้     ท่านอื่นๆ รวมทั้งนักเรียนโหรอย่างเราๆ  เห็นผู้ใหญ่ใช้  เราก็ใช้บ้าง   เพราะไม่รู้ว่าถูกหรือผิด    เรื่องนี้เคยมีการถกเถียงกันมามากแล้ว   สมัยสมาคมโหรยังเฟื่องอยู่    ว่า การนำเอาดวงเมืองมาใช้ทำนายบ้านเมืองในลักษณะนี้ไม่ค่อยถูก.......

ข้อแรก.....
วัตถุประสงค์ของการวางดวงเมือง  มีหลายอย่าง    
อย่างแรกคือความคงอยู่ถาวรของสถาบันหลัก    
อย่างที่สอง  คือความอยู่ถาวรของความเป็นชาติ รวมทั้งศาสนาด้วย   
อย่างที่สามจึงจะเป็นความคงอยู่ถาวรของเมือง   และยังมีอะไรแฝงลึกอยู่อีกมาก

                เพื่อให้บรรลุความประสงค์ที่กล่าวนี้    โหรโบราณท่านจึงนำทุกศาสตร์มาใช้  เพื่อสถาปนาดวงเมือง   ศาสตร์สำคัญที่ใช้   คือ  พุทธศาสตร์   โหราศาสตร์   และไสยศาสตร์     เราจะเข้าใจดวงเมืองได้ดี   ต้องวิเคราะห์ลงไปทั้งสามศาสตร์      

.....ซึ่งคงจะเอามาบอกทั้งหมดได้ยาก     แต่อยากจะเน้นในแง่ไสยศาสตร์   ที่ดวงเมืองนั้น  ไม่ใช่ดวงชะตาปกติ    แต่เป็นเหมือน   เลขยันตร์ของโบราณ   ที่แม้เราดูเสมือนเป็นดวงชะตาทางโหราศาสตร์ธรรมดา   แต่ดวงชะตานี้ผ่านการดำเนินการตามตำหรับโบราณมาแล้ว   กลายเป็นดวงพิเศษ  เรียกว่า “ดวงชะตาฤกษ์”

ดวงชะตานี้   ไม่ใด้ทำไว้รับปฏิกิริยาจากดาวจร เหมือนดวงชะตาทั่วไป  แต่ธาตุในดวงชะตามีความสัมพันธ์  รวมเป็นโครงสร้างทางธาตุไว้เป็นกลุ่มดาว    เป็นอุบายสำคัญในการสร้างดวงเมือง       

ดังนั้น  ที่พวกเรามาผูกดวงเมืองภายหลัง   แล้วมาเพิ่มดาวต่างๆที่คำนวณได้  เช่น  มฤตยู  เนปจูน  พลูโต  ต่างๆลงไปด้วยนั้น    ถูกเพียงในแง่การผูก “ดวงกำเนิดเหตุการณ์”    แต่ไม่ถูกในแง่โครงสร้างเดิมที่ปรากฏในดวงเมืองที่เป็น “ดวงชะตาฤกษ์”        

การนำดวงกำเนิดเหตุการณ์มาทำนายเป็นหลักแทนดวงชะตาฤกษ์  ที่จงใจสร้างขึ้น   มีผลอ่อน    โดยเฉพาะโครงสร้างของธาตุดาวในดวงเมือง    ถูกสร้างให้เป็นลักษณะเกื้อกูลสัมพันธ์กันแน่น     เหมือนเป็นวัตถุชิ้นหนึ่งชิ้นเดียว    โดยกรรมวิธีทางโหราศาสตร์และไสยศาสตร์ เหมือนกับการสร้าง “พระเครื่องราง”   ที่ประกอบจากผงมวลสารหลายชนิดมาผสมอัดแน่นรวมกัน     

ถึงตอนนี้   ธาตุดาวไม่ได้อยู่เป็นเอกเทศแต่ละดวง ให้พิจารณาแยกกันได้ว่า   ดาวจรจะไปทำปฏิกิริยาต่อมวลสารชนิดใด  เพียงชนิดเดียว     ดังนั้น  การพิจารณาผลของดาวจร  ต่อดาวในดวงเมืองที่สร้างอย่างถูกต้อง  จึงไม่ใช่พิจารณาง่ายๆเพียงจุดเดียว  หรือเรือนเดียว   หรือพิจารณาแบบดวงชะตาทั่วไป  แต่ต้องพิจารณาโดยอาศัยความรู้ชั้นสูง    กับดวงชะตาทั้งดวง   เหมือนพิจารณาดูวัตถุโบราณทั้งชิ้น

ข้อสอง.....
ดวงเมืองไม่ใช่ดวงชะตากำเนิดของเมือง   แต่เป็นดวงชะตาที่เกิดจาก “ฤกษ์”   

และโบราณก็ไม่ได้วางอาถรรพ์ให้ครอบคลุมทุกเรื่องของประเทศเหมือนอย่างดวงชะตาคน     แม้อยากจะวางเช่นนั้น   ก็ทำไม่ได้   เพราะระบบธาตุนั้นแตกต่างกัน     .แม้จะนำดวงเมืองมาใช้ทำนายเช่นดวงชะตาปกติ     ก็จะไปกำหนดให้ครอบคลุมบุคคล  หรือเรื่องราวทั่วๆไปในประเทศไม่ได้     

ดวงเมืองเป็นดวงพิเศษ    หากจะเกิดเรื่องไม่ดี   ดาวจรหลายดวง  จะต้องทำปฏิกิริยาต่อดวงทั้งดวง   และจะเกิดเป็นเรื่องใหญ่ๆ  ชนิดเสียเมือง   หรือความเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงชนิดพลิกแผ่นดิน    ไม่ใช่เรื่องปลีกย่อยธรรมดา    

เช่น เมื่อตอนราหูยกเข้าราศีกันย์ คราวที่แล้ว    ก็มีผู้วิจารณ์ว่า  ราหูจรไปเล็งดาวศุกร์เดิม   จะทำให้คนวงการบันเทิง  อักษรย่อชื่อนั้น  ชื่อนี้จะตาย   พอมีดารานักร้องตายก็ว่าทายแม่น   ถึงอักษรไม่ตรง  ก็ว่านามสกุลมีอักษรนั้นอยู่   ชื่อ นามสกุลคน มีอักษรตั้งเยอะก็จะมีถูกเข้าบ้าง   และคนวงการบันเทิง  เสริมสวย  ศิลปะ ดารามีตั้งหลายแสนคน   คนที่ตายเป็นตัวประกอบก็มี   และยังทำอาชีพอื่นอยู่ด้วย     ปีที่ผ่านๆมา  ราหูไม่ได้ทับ เล็งศุกร์ ก็มีดาราตายเยอะกว่าเสียอีก   ตายเพราะประมาทขับรถเร็วก็มี   

ข้อสาม......
ชะตาเมือง  ไม่ได้มีเพียงดวงชะตาดวงใดดวงหนึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เป็นตัวแทน   แต่ชะตาเมืองขึ้นอยู่กับหลายดวงชะตา  เช่น  ดวงผู้นำประเทศ และบุคคลสำคัญ   ดวงชะตาศูนย์รวมสำคัญทางศาสนา   และสถาบันอื่นๆ   เช่น  รัฐสภา  ทหาร   และวัฒนธรรม    

การดูดวงเมืองแล้วเอามาทำนายง่ายๆแบบนี้   ดูเหมือนใช้วิชาโหรง่ายเกินไป    เหมือนที่บางคนไปมองว่า  เสาหลักเมือง  คือ  ดวงชะตาเมือง  เป็นหลักของเมือง     การย้ายเมืองหลวง จะเป็นการสูญเสียชะตาเมือง    ถ้าเช่นนั้น สมัยโบราณ  ไม่ต้องยกทัพใหญ่ไปตีเมืองไหนให้เสียเวลา  แค่ส่งคนไปทำลายเสาหลักเมือง  ก็ยึดเมืองได้แล้ว

ข้อสุดท้าย......
ดวงเมืองเดิมเกิดขึ้นตอนราหูอยู่ในราศีมีน  เป็นวินาสน์ลัคนาที่ราศีเมษ    ถ้าราหูจรเข้ามีน  แล้วไม่ดี   ดวงเดิมก็ไม่ดีด้วย          

ถ้าจะดูแบบดวงธรรมดา   ก็ไม่น่าวิตก เมื่อราหูจรเข้าวินาสน์   แม้จะทับ พุธศุกร์  ก็เพียงแต่จะมีเรื่องวุ่นวายมากหน่อยเท่านั้น     

การพิจารณาราหูจร  โดยเลี่ยงไปคิดเอาดวงผู้นำประเทศมาเป็นหลัก   ก็เท่ากับบอกว่า   ดวงผู้นำสำคัญกว่าดวงเมือง    ถ้าเข่นนั้นจะเอาดวงเมืองมาพิจารณาเพื่อประโยชน์อะไร   หันไปดูดวงผู้นำประเทศน่าจะมีเหตุผลมากกว่า   และที่สำคัญที่สุดอยากจะถามว่า   รู้ได้อย่างไรว่า    ลัคนาดวงชะตาประเทศไทยอยู่ในราศีเมษ ??????  

ชะตาเมืองขึ้นอยู่กับพวกเรานี่แหละ    เลือกคนดีชะตาก็ดี  เลือกคนเลว บ้านเมืองก็ตกต่ำ   กรรมมีส่วนสำคัญในการกำหนดวิบากคือผลแห่งกรรม.....เหมือนกันทั้งนั้น  ไม่ว่าดวงเมือง  หรือดวงคน

ไม่มีความคิดเห็น: