วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

อ่านดาวให้แตก

คราวก่อน   เราได้รู้กลุ่มดาวที่มีผลต่อดวงชะตาที่เกิดจาก เหตุที่ต่างกัน  คือ  

กลุ่มดาวจตุโกณ  และตรีโกณ  ที่จะเป็นเรื่องที่เกิดจากเหตุคือ “สิ่งแวดล้อม”   และจะเกิดผลดี  หรือไม่ดี   ขึ้นอยู่กับลักษณะของดาวที่มาประกอบเป็นกลุ่มดาวนั้น     รูปดาวเช่นนี้มีผลต่อดวงชะตาโดยส่วนรวม       

ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งคือ    ดาวที่เข้ากระทำต่อ “จุดเจ้าชะตา”   เช่น  ลัคนา  ตนุลัคน์   อาทิตย์  จันทร์   ตนุเศษ  ทำให้เกิดเรื่องที่เกิดจากการตัดสินใจของเจ้าชะตาเอง   โดยมีดาวที่เข้ากระทบเป็นสิ่งเร้า  หรือปรุงแต่ง

       สิ่งหนึ่งที่เราควรสังเกตุได้จากกรณีตัวอย่างข้างต้นก็คือ      เหตุการณ์ทางโหราศาสตร์นั้น   เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ    และสาเหตุเหล่านั้น  ความจริงก็มาจากดาว  10  ดวง ซ้ำกัน    เกิดจากดาวเล่นอยู่หลายบทบาท     นี่เองเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขปัญหาของนักเรียนโหราศาสตร์      ที่มักจะงง    เวลาดูดาวแล้วไม่รู้จะทายอย่างไรดี    เพราะมักจะเอาดาวทุกบทบาทมารวมกัน   ในขณะที่เห็นอาจารย์  หรือคนที่เป็นแล้ว  ทำนายอยู่โครมๆ   แต่เขาไม่บอกว่าทำนายดังนั้นเพราะอะไร   แต่ก็ไม่แน่ว่า  คนที่ทำนายจ้ออยู่คล่องปากนั้น  ทำนายตามหลักอยู่หรือไม่     ผมเคยเห็นคนที่เรียนมาถึง  15  ปีแล้ว  ทำนายอย่างสับสนก็มี

        บางคนอาจจะตกใจ  เมื่อบอกให้ทราบว่า   ดาวหรือ ธาตุดาวดวงหนึ่งๆในดวงชะตานั้น   อาจทำงานอยู่ราว  สิบบทบาทในเวลาเดียวกัน หรือใกล้เคียงกัน    น่าตกใจจริงๆ     อะไรมันจะมากมายขนาดนั้น   แล้วนี่ดาวตั้งสิบดวง  มันไม่ทำงานตั้งร้อย เรื่องเข้าไปหรือ    แต่นี่เป็นความจริงในทางโหราศาสตร์ไทย     ดาวแต่ละดวงที่อยู่ในดวงชะตานั้น  ไม่ได้อยู่นิ่งเฉยมีสถานะเดียวเหมือนที่เราคิด    ส่วนมากมักคิดว่า  ถ้าไม่มีอะไรมาสัมพันธ์ถึง  ก็ไม่ไปสนใจมัน   ความจริงดาวก็เหมือนมนุษย์ในแง่นี้    คือคนเราทุกคนอาจจะมีฐานะ  เป็น ลูก   เป็นพ่อ  เป็นแม่  เป็นเพื่อน   เป็นศัตรู   เป็นนักศึกษา  เป็นพนักงานบริษัท   เป็นสมาชิกสมาคม    เป็นประธานเชียร์    เป็นศูนย์หน้าฟุตบอล    เป็นหัวหน้าแผนก   เป็นเว็บมาสเตอร์คนดี   เป็นแฮ้กเก้อร์ตัวร้าย  ฯลฯ  ในตัวคนคนเดียวกัน    เป็น “ตำแหน่ง”  และ “หน้าที่”  หลายๆอย่าง  ที่เกิดจาก “ความสัมพันธ์แต่ละประเภท”  กับ “แต่ละกลุ่มคน  หรือสมาคม”

        วิธีสำคัญในการดู    คือให้เรา  เพ่งเล็งลงไปที่ดาวนั้น    แล้วดูว่ามันกำลังทำงานใน “บทบาทใด”  และ “ของอะไร”อยู่    

ถ้าไม่คิดว่าตัวเองเก่งจริง   อย่าเพิ่งเอาบทบาทมารวมกัน    แม้จะยืดยาวเยิ่นเยื้อไปบ้าง  แต่จะถูกต้องมากกว่าการรวม  แต่รวมไม่เป็น    

เช่น   ดาวที่มันเป็นจตุโกณ    กำลังทำหน้าที่อยู่ในกลุ่มดาวจตุโกณ     มันอาจกำลังแสดงบทบาทร้ายกาจ    สร้างแรงกดดันต่อลัคนาของดวงชะตา    ทำให้เจ้าชะตาอยู่ในภาวะคับขัน     แต่ขณะเดียวกัน  มันกำลังทำสัมพันธ์ดี  ต่อ  อาทิตย์    จันทร์   และจุดเจ้าชะตาอื่น   เช่นเป็นคู่มิตร   คู่สมพล    มันจะส่งผลทำให้ เจ้าชะตาไม่หมดกำลังใจ     แต่จะกลับต่อสู้กับเหตุการณ์ร้ายนั้น   อย่างมีไหวพริบ เอาตัวรอดออกมาจากสถานการณ์กดดันได้เป็นอย่างดี     

ตัวอย่างเช่นนี้เป็นเพียงแค่   2  บทบาท  ของดาวดวงเดียวกันนั้น   ซึ่งมีพฤติกรรมเป็นทั้ง  ผู้ร้าย   และ พระเอก  ในเวลาเดียวกัน   มันเป็นพระเอกหน้าหล่อ   ที่มาช่วยให้รอดจากผู้ร้ายหน้าเ-หี้-ย-ม   ก็คือตัวมันเองนั่นแหละ    แต่ดาวดวงหนึ่งอาจทำหน้าที่ได้ ถึง  สิบบทบาทขึ้นไป    เราก็ดูได้ไม่ยากเลย      ขอเพียงแต่เราศึกษาว่า  เมื่อดาวอยู่ในรูปแบบไหน  มันทำงานในบทบาทอะไร    เป็นผู้ร้าย  หรือ  พระเอก  ด้วยเงื่อนไขอะไร    เมื่อไร   เราก็ทำนายได้แล้ว.......

         บทบาทหน้าที่ของดาวนั้น  มีทั้งบทบาททางธาตุ   ทางเรือน  ทางราศี    ทางนวางค์  ตรียางค์   ฤกษ์   ทักษา  ดาวร่วมคู่     ดาวร่วมหมู่    บทบาทเมื่อดาวโคจรวิปริต   พักร์  มน  เสริด   บทบาทในเกณฑ์วงรอบชะตา  เช่น  ในเกณฑ์ชันษา   กาลจักรลัคน์จร   เป็นต้น   ซึ่งจะส่งผลไปสู่ดาวดวงอื่น     หรือรับเหตุจากดาวดวงอื่นส่งเข้ามาหามัน  นอกจากนั้น  มันยังมีบทบาทที่แสดงออกเบื้องหน้า   บทบาทหลังฉาก   เป็นบทผู้ตามดาวดวงอื่น  หรือเป็นผู้นำก็ได้    แต่ตัวอย่างข้างบน  เป็นเพียงบทบาทง่ายๆที่ยกมาให้เห็น  และเข้าใจได้ง่าย     หากใครจะคิดว่า   งั้นบอกมาให้หมด  จะได้จบกัน  ก็คิดผิด     เพราะบทบาทอื่นๆอีกมากมายของดาว  เป็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน    ต้องทำความเข้าใจและศึกษาทั้งนั้น      บางอย่างต้องคิด  แล้วจะเห็น      ยากหน่อยตอนคิด  แต่เห็นแล้วจะง่าย   หากเราเรียนได้หมด  ก็นับว่าเรียนจบโหราศาสตร์ไทยภาคพยากรณ์แล้ว     ความรู้ ทางโหราศาสตร์จำนวนมากส่วนหนึ่งที่ไม่มีใครบอกใคร   ก็คือบทบาทเหล่านี้ของดาวนั่นเอง

        ดังนั้น  สูตรดาวสำเร็จรูปที่เรามักเห็นในหนังสือ  ว่าดาว  เช่น  ศุกร์  ราหู  จันทร์   เป็นต้นอยู่ราศีนั้น  ราศีนี้   เรือนนั้นเรือนนี้   จะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้   จึงเป็นเรื่องที่ว่ากันง่ายๆ  ของคนที่แต่งตำราขาย     ที่อาจจะรู้บ้าง แต่ไม่ยอมบอกความจริง     หรือไม่รู้จริง    แต่ลอกเขามา   เท่านั้นเอง     

เพราะจริงๆแล้ว  ดาวจะอยู่ที่ใดแล้วจะดี  หรือ  ให้โทษ   ขึ้นอยู่กับความสำคัญว่ามันแสดงบทบาทอะไร    อยู่กับใคร     อย่างไร    เมื่อไร    และจะเกิดกับผู้ใด      ในดวงชะตาจริง    เหตุอาจจะเกิดกับผู้อื่น  เช่น   ลูกชายขับรถ  รถคว่ำบาดเจ็บ     แต่เจ้าชะตาอยู่กับบ้านไม่เป็นอะไรก็ได้      ต้องวิเคราะห์ให้ออก    ไม่ใช่ทายแต่ว่าดวงเสียทั้งปี     ทำให้ไม่กล้าทำอะไรตลอดเวลา     

การดูดวงชะตาให้ทราบชัดจริงจัง    ที่ไม่ใช่การศึกษาเฉพาะเรื่อง    จึงต้องดูดาวทั้งสิบดวง  ไม่ใช่ดูแค่ดวงสองดวง   แล้วเอามาวิพากษ์วิจารณ์สันนิษฐาน   หรือทายเปรี้ยงลงไป    อย่างที่บางกระทู้นิยมทำกัน     เพราะหากไม่ทราบดาวทั้งสิบดวง  เราก็ไม่ทราบบทบาทจำนวนมากของดาว     การวิพากษ์เรื่องราวในชีวิตจริงของเจ้าชะตา  เช่น  แต่งงาน  ไม่แต่งงาน    ทำไมรวย  หรือจน   ทำไมเก่ง  ไม่เก่ง  เป็นต้น  ก็จะทำไม่ได้    ถึงใครจะทายถูก  หรือทายผิด  ก็ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น

         ในวันนี้   นอกจากจะบอกว่า    ดาวนั้นมีบทบาทมากหลาย   มีทั้งทางดีและไม่ดีได้  ในเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกันแล้ว   ยังอยากชี้ให้เห็นว่า  ดาวทุกดวงต่าง สานสัมพันธ์กันอยู่อย่างซับซ้อนในดวงชะตาหนึ่งๆ   ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง   การที่ดาว หรือเรือนใดมีปฏิกริยา  ก็จะมีผลกระทบไปตลอดทั่วดวงชะตา    เกิดผลทั้งทางลึกและทางกว้าง อีกมาก

       ถ้าเราจับตาดู “อาจารย์”  บางท่าน  เอานิ้วจิ้มที่ดาวดวงเดียว    อ่านเรื่องได้สารพัด     ตลอดทั้งดวงชะตา   ตั้งแต่ต้นจนจบ   เขาก็ดูแบบนี้แหละ   แล้วแต่ใครรู้มากเท่าใด   เพราะหากมีใครถามลึกลงไป    ตอบไม่ได้  ก็เลี่ยงเสีย

ไม่มีความคิดเห็น: